การคำนวณผลประโยชน์พนักงาน: ความจำเป็นในการวางแผนและรับรู้หนี้สินล่วงหน้าอย่างมืออาชีพ
- อาจารย์ทอมมี่ พิเชฐ เจียรมณีทวีสิน
- Jun 25
- 1 min read
Updated: Jun 26

การคำนวณผลประโยชน์พนักงาน เป็นหนึ่งในหัวใจสำคัญของการบริหารจัดการทางบัญชีและการเงินขององค์กร ไม่ว่าจะเป็นกิจการขนาดเล็ก กลาง หรือใหญ่ ล้วนแล้วแต่มีภาระผูกพันที่จะต้องชดเชยหรือให้ผลตอบแทนแก่พนักงานเมื่อถึงเวลาที่พวกเขาเกษียณอายุ ลาออก หรือสิ้นสุดสัญญาการจ้างงาน และแน่นอนว่าค่าใช้จ่ายในลักษณะนี้ไม่สามารถมองข้ามได้ เพราะมันคือ “หนี้สินในอนาคต” ที่ต้องมีการวางแผนและเตรียมการไว้ล่วงหน้าอย่างเป็นระบบ
ในบริบทของการบัญชี ผลประโยชน์พนักงาน หมายถึง ผลตอบแทนที่องค์กรตกลงจะจ่ายให้กับพนักงานในช่วงเวลาต่าง ๆ เช่น ขณะปฏิบัติงาน
หลังเกษียณ หรือเมื่อพ้นสภาพจากการเป็นลูกจ้าง ซึ่งผลประโยชน์เหล่านี้จะต้องมีการคำนวณและบันทึกไว้ล่วงหน้า เพื่อให้รายงานทางการเงินสะท้อนภาพของภาระผูกพันที่แท้จริงขององค์กรได้อย่างถูกต้อง โปร่งใส และตรวจสอบได้
ทำไมต้อง “คำนวณผลประโยชน์พนักงาน” ล่วงหน้า?
เพราะองค์กรไม่สามารถรอจนถึงวันที่พนักงานลาออกหรือเกษียณแล้วค่อยจ่ายได้โดยไม่มีการเตรียมการ หากเปรียบเทียบให้เห็นภาพง่าย ๆ ก็เหมือนกับการตั้งเป้าไปเที่ยวต่างประเทศในอีก 10 ปีข้างหน้า ถ้าเราจะต้องจ่ายเงินก้อนใหญ่ตอนนั้นทันทีโดยไม่ออมเงินไว้ล่วงหน้า มันก็คงจะลำบากใจไม่น้อย แต่ถ้าเราหยอดกระปุกทุกวันที่ทำงาน วันละ 100 บาท เมื่อถึงวันนั้น เราก็จะมีเงินพร้อมใช้อย่างไม่ลำบาก
หลักการคำนวณผลประโยชน์พนักงานก็คล้ายกัน กล่าวคือ บริษัทต้องทยอยรับรู้ค่าใช้จ่ายและสำรองเงินไว้ตั้งแต่วันที่พนักงานเริ่มทำงาน
จนถึงวันที่คาดว่าจะจ่ายผลประโยชน์ เพื่อไม่ให้เกิดภาระทางการเงินที่กระทบกระเทือนกระแสเงินสดในอนาคต
มาตรฐานที่เกี่ยวข้องกับการคำนวณผลประโยชน์พนักงาน
ในประเทศไทย การคำนวณผลประโยชน์พนักงานต้องอิงตามมาตรฐานการรายงานทางการเงิน ซึ่งแบ่งออกเป็นสองชุดหลัก คือ:
TFRS for NPAEs – สำหรับกิจการที่ไม่มีส่วนได้เสียสาธารณะ มาตรฐานฉบับนี้ไม่ได้ระบุวิธีคำนวณอย่างละเอียด แต่ให้แนวทางการรับรู้หนี้สินในลักษณะทั่วไป ซึ่งองค์กรสามารถใช้วิธีคำนวณแบบย้อนหลัง (Retrospective) โดยรอให้ครบปีบัญชีแล้วจึงคำนวณย้อนหลังว่าในปีนั้นควรจะต้องรับรู้ค่าใช้จ่ายเป็นเท่าใด วิธีนี้แม้จะง่ายต่อการจัดทำบัญชี แต่ก็มีความเสี่ยงหากองค์กรไม่มีเงินสำรองพร้อมจ่ายเมื่อถึงเวลา
TAS 19 – สำหรับกิจการที่มีส่วนได้เสียสาธารณะ จะต้องปฏิบัติตามมาตรฐาน TAS 19 ซึ่งระบุชัดเจนให้ใช้วิธี Projected Unit Credit Method ที่เน้นการประเมินค่าใช้จ่ายในอนาคตและรับรู้หนี้สินล่วงหน้าอย่างมีระบบ วิธีนี้จะคาดการณ์ว่าในอนาคต พนักงานจะทำงานกี่วัน รายได้จะเพิ่มขึ้นแค่ไหน และใช้ข้อมูลเชิงสถิติ เช่น อายุ การลาออก การเสียชีวิต และอัตราดอกเบี้ย มาใช้คำนวณปัจจัยลดค่า (Discounting) เพื่อให้มูลค่าหนี้สินสะท้อนความเป็นจริงในปัจจุบัน
ความสำคัญของการมีผู้เชี่ยวชาญ
เนื่องจากการคำนวณผลประโยชน์พนักงานตาม TAS 19 มีความซับซ้อนมาก องค์กรมักจะต้องพึ่งพาผู้เชี่ยวชาญ เช่น นักคณิตศาสตร์ประกันภัย หรือที่ปรึกษาทางบัญชีมืออาชีพในการช่วยคำนวณ เพื่อให้ผลลัพธ์มีความแม่นยำ และเป็นไปตามหลักการของมาตรฐานที่ยอมรับในระดับสากล
การละเลย หรือคำนวณผลประโยชน์พนักงานผิดพลาด อาจทำให้องค์กรต้องเผชิญกับความเสี่ยงด้านการเงิน และอาจถูกตรวจสอบจากผู้สอบบัญชีหรือหน่วยงานกำกับดูแลได้ ดังนั้นการวางแผนที่ดี มีระบบการคำนวณที่เหมาะสม และทำอย่างต่อเนื่องทุกปี จึงเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
ทั้งนี้ หากบริษัทกำลังมองหาผู้เชี่ยวชาญด้านการคำนวณผลประโยชน์พนักงาน สามารถติดต่อ ABS ได้ เนื่องจาก ABS มีความเชี่ยวชาญด้านการคำนวณผลประโยชน์พนักงานโดยเฉพาะ นำโดยอาจารย์ทอมมี่ที่มีประสบการณ์ด้านการตั้งเงินสำรองตามหลักคณิตศาสตร์ประกันภัยมากว่า 25 ปี และดูแลด้านผลประโยชน์พนักงานให้บริษัทต่าง ๆ 2,000 บริษัท ทั้งในประเทศ และต่างประเทศ
บทสรุป
สรุปคือการคำนวณผลประโยชน์พนักงานไม่ใช่เพียงเรื่องทางบัญชี แต่เป็นการวางแผนทางการเงินในระยะยาวที่ช่วยให้องค์กรมีความมั่นคง
มีภาพลักษณ์ที่ดี และยังช่วยสร้างขวัญกำลังใจแก่พนักงานด้วยว่า องค์กรให้ความสำคัญกับอนาคตของพวกเขาอย่างแท้จริง ไม่ว่าจะใช้มาตรฐานใด การเข้าใจหลักการพื้นฐาน และการวางแผนอย่างรอบคอบคือสิ่งจำเป็นสำหรับทุกองค์กรที่ต้องการยืนระยะอย่างมั่นคงในโลกธุรกิจปัจจุบัน
อ้างอิงจาก: https://actuarialbiz.com/th/knowledgedetails/271
เขียนและเรียบเรียงโดย อาจารย์ทอมมี่ (พิเชฐ เจียรมณีทวีสิน)
FSA, FIA, FRM, FSAT, MBA, MScFE (Hons), B.Eng (Hons)
อดีตนายกสมาคมนักคณิตศาสตร์ประกันภัยแห่งประเทศไทย และอาจารย์บรรยายด้านการคำนวณผลประโยชน์พนักงานด้วยหลักคณิตศาสตร์ประกันภัย ตามมาตรฐานบัญชี ฉบับที่ 19
ขอสงวนสิทธิ์ของเนื้อหาในบทความ ไม่ให้นำไปใช้แสวงหาผลประโยชน์ใด ๆ ในเชิงพาณิชย์ นอกจากจะได้รับอนุญาตจากทางบริษัท ABS เท่านั้น