การเปลี่ยนผ่านจาก NPAEs สู่ PAEs และการคำนวณผลประโยชน์พนักงาน
- อาจารย์ทอมมี่ พิเชฐ เจียรมณีทวีสิน

- Jul 17
- 2 min read
Updated: Nov 4

บทความนี้เราจะมีพูดถึงการเตรียมตัวเข้า IPO ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับ การคำนวณผลประโยชน์พนักงาน กัน แต่ก่อนจะเริ่มเรื่องนั้น เรามาปูพื้นฐานกันก่อนว่า IPO ที่ว่านี้คืออะไร
ในวันที่กิจการต้องการเงินลงทุนเพิ่มเติม ก็มี 2 ทางเลือก คือ กู้เงินจากธนาคาร หรือ ระดมทุนโดยการขายหุ้นเพิ่มทุน ซึ่งเป็นการเปิดให้ผู้ลงทุนคนอื่น ๆ เข้ามามีส่วนร่วมถือหุ้นกับเราในกิจการ และถ้ากิจการของเราใหญ่ในระดับหนึ่ง ก็จะสามารถเสนอขายหุ้นให้กับสาธารณะได้ และจะเรียกการขายหุ้นเพิ่มทุนส่วนนี้ว่าหุ้น IPO ซึ่งย่อมาจาก Initial Public Offering
ดังนั้น หากจะพูดให้เข้าใจง่าย ๆ การเข้า IPO ก็คือการเปลี่ยนจากการกิจการที่ไม่มีส่วนได้เสียสาธารณะ สู่การเป็นกิจการที่มีส่วนได้เสียสาธารณะ
ในช่วงที่ยังเป็นกิจการที่ไม่มีส่วนได้เสียสาธารณะ หลาย ๆ กิจการอาจจะปฏิบัติตาม TFRS for NPAEs ซึ่งเป็นมาตรฐานที่ใช้กับกิจการที่ไม่มีส่วนได้เสียสาธารณะ แต่เมื่อเปลี่ยนเป็นกิจการที่มีส่วนได้เสียสาธารณะแล้ว ก็ต้องขยับไปใช้ TFRS for PAEs
โดย TFRS for PAEs จะไม่ได้มีออกมาเป็นเล่ม ๆ เหมือน TFRS for NPAEs แต่เป็นการเรียกรวมมาตรฐานหลาย ๆ ฉบับเข้าด้วยกันนับสิบมาตรฐาน ซึ่งสำหรับการคำนวณผลประโยชน์พนักงานจะเป็นมาตรฐานที่ชื่อว่า TAS 19
ทั้งนี้บริษัทที่จะเข้า IPO ควรจะคำนวณผลประโยชน์พนักงานตามมาตรฐานการบัญชีไทย ฉบับที่ 19 (TAS19) ด้วยหลักคณิตศาสตร์ประกันภัยล่วงหน้าอย่างน้อย 2-3 ปี เพื่อให้ผลประกอบการของบริษัทอยู่ในระดับที่เรียกว่าสม่ำเสมอ
TFRS for NPAEs คืออะไร
อาจจะเรียกกันว่ามาตรฐานชุดเล็ก หรือมาตรฐานฉบับย่อ เป็นมาตรฐานที่กำหนดขึ้นมาเพื่อใช้ในประเทศไทยเท่านั้น เกิดขึ้นมาเนื่องจากมาตรฐานการบัญชีสากลนั้นค่อนข้างซับซ้อน และยุ่งยาก รวมถึงต้องใช้ทรัพยากรของกิจการค่อนข้างมากในการจัดทำ ซึ่งกิจการขนาดกลาง และขนาดเล็กอาจไม่มีทุน หรือบุคลากรเพียงพอที่จะทำตามมาตรฐานสากลได้ทั้งหมด ดังนั้น สภาวิชาชีพบัญชีจึงออกแบบมาตรฐานฉบับนี้ขึ้นมา
TFRS for NPAEs และการคำนวณผลประโยชน์พนักงาน
TFRS for NPAEs ไม่ได้กล่าวถึงการคำนวณผลประโยชน์พนักงานโดยเฉพาะ แต่พูดถึงเรื่องการประมาณการหนี้สินและหนี้สินที่เกิดขึ้น ซึ่งครอบคลุมถึงผลประโยชน์พนักงาน และไม่ได้มีการกำหนดว่าต้องคำนวณโดยวิธีใด เพียงแต่ให้ใช้วิธีการประมาณการที่ดีที่สุด ทั้งนี้ไม่ว่าจะคำนวณแบบใด หากผู้สอบบัญชีเห็นว่าเหมาะสมแล้วก็เป็นอันใช้ได้
TAS 19 มาตรฐานเพื่อการคำนวณผลประโยชน์พนักงาน
TAS 19 นั้นเป็นส่วนหนึ่งของ TFRS for PAEs หรือมาตรฐานชุดใหญ่ ซึ่งทั้งฉบับเป็นเรื่องผลประโยชน์พนักงานเพียงเท่านั้น แน่นอนว่ารายละเอียดของมันจะต้องมากกว่า TFRS for NPAEs อย่างเทียบกันไม่ได้เลย
โดยผลประโยชน์พนักงานตามมาตรฐานการบัญชีไทย ฉบับที่ 19 คือ ผลประโยชน์ทุกรูปแบบ อาจจ่ายเป็นเงินสดหรือสินทรัพย์อื่น ที่กิจการให้เพื่อแลกเปลี่ยนกับการให้บริการของพนักงาน หรือบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้องเพื่อผลประโยชน์พนักงาน ซึ่งเกิดจากข้อตกลงระหว่างกิจการกับพนักงาน ข้อกำหนดของกฎหมาย และภาระผูกพันจากการอนุมาน
สิ่งสำคัญที่ต้องพบเจอหลังการเปลี่ยนมาตรฐาน TFRS for NPAEs ไปเป็น TAS 19
แนวคิดการประเมิน
อย่างที่กล่าวไปแล้วว่า TFRS for NPAEs ไม่ได้มีการกำหนดว่าต้องคำนวณโดยวิธีใด ดังนั้นในทีนี้จะเปรียบเทียบวิธีการคำนวณตาม TAS 19 และวิธีที่นิยมกันในกลุ่มบริษัทที่ใช้มาตรฐาน TFRS for NPAEs
เพื่อให้เข้าใจได้ง่าย เราจะยกตัวอย่างเรื่องการออมเงิน โดยตั้งเงื่อนไขการสะสมเงินไว้ว่า เก็บเงินวันละ 100 บาท ทุก ๆ วันที่ออกไปทำงาน การคำนวณว่าจะต้องเก็บเงินปีละเท่าไรของมาตรฐานทั้ง 2 ฉบับ จะเป็นดังนี้
หากคำนวณตาม TFRS for NPAEs: หลักการคือ เราจะทำงานไปเรื่อย ๆ และเมื่อครบ 1 ปีค่อยมานั่งนับย้อนหลังว่าในปีที่ผ่านมา เราทำงานไปกี่วัน เช่น 310 วัน เราก็โอนเงินเข้าบัญชีออมเงิน ไป 31,000 บาท
วิธีนี้มีข้อดีคือ ไม่ยุ่งยากซับซ้อน แต่ก็มีข้อเสียคือต้องรอครบรอบปีก่อน จึงจะรู้ว่าปีนี้จะต้องเก็บเงินเท่าไร ซึ่งอาจจะเกิดปัญหาว่าเอาเงินไปใช้จ่ายอย่างอื่นหมดแล้ว จนไม่มีเงินเหลือให้สะสม
หากคำนวณตาม TAS 19: หลักการคือ ตั้งแต่ต้นปี เราจะนั่งเปิดปฏิทินดูก่อนเลยว่า ปีนี้มีวันทำงานกี่วัน วันหยุดกี่วัน เราจะลาไปเที่ยวปีใหม่ สงกรานต์ หรือเทศกาลอื่น ๆ กี่วัน มีโอกาสใช้ลากิจ ลาป่วยกี่วัน แล้วออมเงินล่วงหน้าตั้งแต่ต้นปีเลย
ตัวอย่างเช่น เมื่อนับดูแล้วว่าปีนี้ จะทำงานทั้งสิ้น 300 วัน เราก็โอนเงินเข้าบัญชีออมเงินไปก่อนเลย 30,000 บาท และเมื่อถึงปลายปี ปรากฏว่าคาดการณ์การลาป่วยและลากิจผิดไป ทำให้ทำงานจริง ๆ 310 วัน สิ่งที่ต้องทำก็คือ โอนเงินเพิ่มอีกแค่ 1,000 บาท
วิธีนี้จะยุ่งยากซับซ้อนกว่าวิธีแรกมาก เพราะต้องมานับวันทำงานกันล่วงหน้า ต้องมาคาดการณ์เราจะลางานไปมากน้อยแค่ไหน แต่มีข้อดีตรงที่เราสามารถรับรู้ล่วงหน้าก่อนว่าปีนี้จะต้องออมเงินประมาณเท่าไร จะได้เตรียมเงินไว้ก่อน แน่นอนว่าเมื่อเป็นการคาดการณ์มันย่อมคลาดเคลื่อนไปบ้าง แต่เงินที่ต้องหามาเติมในช่วงปลายปีก็จะน้อยกว่าวิธีแรก เพราะส่วนหนึ่งได้เตรียมไว้ล่วงหน้าแล้ว

สรุปก็คือ การคำนวณผลประโยชน์พนักงานตามมาตรฐาน TFRS for NPAEs จะรอให้ถึงสิ้นปีแล้วมองย้อนหลังกลับไปว่าที่ผ่านมาเกิดอะไรขึ้นบ้าง ในขณะที่ TAS 19 เราคาดการณ์ล่วงหน้าตั้งแต่ต้นปี แล้วมา Recheck ความแม่นยำกันอีกครั้งที่ปลายปี (หรือจะรวบยอด ตรวจสอบทุก 3 ปีก็ได้)
ซึ่งหลายคนอาจจะมองว่า ใครจะไปรู้ว่าจะป่วยกี่วันในแต่ละปี นี่จึงเป็นสาเหตุที่ TAS 19 สนับสนุนให้คำนวณผลประโยชน์พนักงานตามหลักคณิตศาสตร์ประกันภัย เพราะในการคำนวณจริง ๆ จะต้องมีการคาดการณ์สมมติฐานในการคำนวณหลายอย่างเช่น อัตราการขึ้นเงินเดือน อัตราการเสียชีวิต หรืออัตราการลาออกของพนักงาน เป็นต้น
การวัดมูลค่าใหม่ (Remeasurement)
จากตัวอย่างในข้อที่แล้วจะเห็นว่า การคำนวณตาม TAS 19 จะมีการ Recheck ตัวเลขที่คาดการณ์เอาไว้ เช่น คาดการณ์ไว้ว่าสิ้นปีจะต้องออมเงิน 30,000 บาท แต่มาถึงปลายปีจริง ๆ ต้องมีเงิน 31,000 บาท เกิดส่วนต่าง 1,000 ขึ้น โดยการ Recheck ที่ว่านี้ ใน TAS 19 จะเรียกมันว่า การวัดมูลค่าใหม่ หรือ Remeasurement
ในการคำนวณผลประโยชน์พนักงานจริง ๆ ที่ซับซ้อนกว่าการนับวันหยุดเพื่อออมเงิน ย่อมต้องมีส่วนต่างเหล่านี้เกิดขึ้นได้แน่นอน เพราะไม่มีใครสามารถคาดการณ์ได้ตรง 100% ส่วนต่างที่เกิดขึ้นนี้จะถูกรับรู้อยู่ในงบกำไรขาดทุน หรืองบกำไรขาดทุนเบ็ดเสร็จอื่น (OCI) แล้วแต่ประเภทของผลประโยชน์ ซึ่งแน่นอนว่าการคำนวณตาม TFRS for NPAEs ไม่มีเรื่องนี้
ค่าใช้จ่ายที่รับรู้ในงบกำไรขาดทุน
กลับมาที่ตัวอย่างการออมเงินอีกสักครั้ง เมื่อเราออมเงินไว้แล้ว แน่นอนว่าเราสามารถนำเงินก้อนนี้ไปลงทุนให้งอกเงยขึ้นมาได้ ซึ่งใน TFRS for NPAEs ไม่ได้บอกให้แยกค่าใช้จ่ายที่บริษัทต้องตั้งไว้ และผลลัพธ์จากการลงทุนออกจากกัน แต่ TAS 19 มองว่า 2 ส่วนนี้ควรแยกออกจากกัน ทำให้วิธีการรับรู้ค่าใช้จ่ายจากการคำนวณผลประโยชน์พนักงานในงบกำไรขาดทุนตามมาตรฐาน TAS 19 จะถูกแบ่งออกเป็น ต้นทุนบริการ (Service Cost) และ ดอกเบี้ยสุทธิ (Net Interest Cost)
สรุปความแตกต่างระหว่าง 2 มาตรฐาน

โดยความแตกต่างทั้งหมดที่ว่ามานี้ เป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น แต่ยังมีรายละเอียดและข้อควรรู้อีกมากใน TAS19 ที่ต้องคำนึงถึง แน่นอนว่าการเปลี่ยนมาตรฐานจาก TFRS for NPAEs มาเป็น TAS 19 นั้นย่อมไม่ง่ายเลย เพราะต้องเปลี่ยนจากมาตรฐานที่ไม่มีแม้แต่คำว่าผลประโยชน์พนักงานเลย มาเป็นมาตรฐานความยาว 70 หน้าที่เป็นเรื่องผลประโยชน์พนักงานโดยเฉพาะ
ดังนั้นเพื่อให้สะดวกต่อกิจการ กิจการสามารถเลือกใช้บริษัทที่ปรึกษาในการคำนวณผลประโยชน์พนักงานได้ โดย ABS เอง ก็เป็นหนึ่งในผู้เชี่ยวชาญที่มีคุณสมบัติเหมาะสมตามมาตรฐาน TAS 19 เนื่องจาก บริษัท ABS มีความเชี่ยวชาญในการคำนวณผลประโยชน์พนักงาน ด้วยมาตรฐานระดับโลกจากทีมคณิตศาสตร์ประกันภัยที่ได้รับการรับรองจากสหรัฐอเมริกา อังกฤษ และไทย พร้อมให้บริการครบวงจรและดูแลทุกขั้นตอนด้วยความใส่ใจ ประสบการณ์ยาวนานกว่า 25 ปี และฐานลูกค้ากว่า 2,000 ราย ทั้งในประเทศและต่างประเทคือสิ่งที่ยืนยันความน่าเชื่อถือของเรา
เขียนและเรียบเรียงโดย อาจารย์ทอมมี่ (พิเชฐ เจียรมณีทวีสิน)
FSA, FIA, FRM, FSAT, MBA, MScFE (Hons), B.Eng (Hons)
อดีตนายกสมาคมนักคณิตศาสตร์ประกันภัยแห่งประเทศไทย และอาจารย์บรรยายด้านการคำนวณผลประโยชน์พนักงานด้วยหลักคณิตศาสตร์ประกันภัย ตามมาตรฐานบัญชี ฉบับที่ 19 TAS19 IAS19
ขอสงวนสิทธิ์ของเนื้อหาในบทความ ไม่ให้นำไปใช้แสวงหาผลประโยชน์ใด ๆ ในเชิงพาณิชย์ นอกจากจะได้รับอนุญาตจากทางบริษัท ABS เท่านั้น



